รศ.ดร.พิเชษฐ์ ลิ้มสุวรรณ อธิบายว่า รังสียูวีเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตามปกติคนส่วนใหญ่มักจะชินกับแสงแดด ซึ่งแสงแดดจะมีความยาวคลื่น 400-700 นาโนเมตร ส่วนรังสียูวีจะมความยาวคลื่นอยู่ในระหว่าง 200-400 นาโนเมตร หมายความว่ารังสียูวีมีความยาวคลื่นต่อจากความยาวคลื่นแสง 200-400 นาโนเมตร นอกจากนี้รังสียูวียังแบ่งออกเป็นรังสียูวีเอ รังสียูวีบี และรังสียูวีซี โดยแบ่งตามความยาวคลื่น โดยความยาวคลื่น 200-290 นาโนเมตร เรียกว่า รังสียูวีซี ความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตรเรียกว่า 320-400 นาโนเมตร เรียกว่า รังสียูวีเอ
ซึ่งความยาวคลื่นยิ่งสั้นพลังงานยิ่งสูง นั่นหมายความว่ารังสียูวีซีจะมีพลังงานสูงกว่ารังสียูวีบีและรังสียูบีเอ และรังสียูวีเอมีพลังงานต่ำกว่ารังสียูวีบี นั่นคือรังสียูวีเอจะทะลุทะลวงผ่านผิวหนังน้อยกว่ารังสียูวีบี เช่น รังสียูวีเอแค่ทำให้ผิดหนังเหี่ยวย่น แต่รังสียูวีบีจุทะลุลงไปถึงบริเวณชั้นผิวหนังแท้และทำให้เกิดผิวไหม้ได้ ที่เรียกว่าแดดเผา (sunburn) รังสียูวีซีส่วนใหญ่จะมาไม่ถึงพื้นผิวโลก เพราะจะถูกดูดกลืนโดยชั้นบรรยากาศ ดังนั้นบริเวณพื้นผิวโลกจึงมีเฉพาะรังสียูวีเอกับรังสียูวีบีเท่านั้น สำหรับค่า SPF ซึ่งโฆษณาตามครีมกันแดดทั่วๆ ไปจะใช้ป้องกันรังสียูวีบีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งค่า SPF ที่ปรากฎข้างกล่องครีมกันแดดนั้นหมายความว่าอย่างไร
ซึ่งค่า SPF ที่ปรากฏข้างกล่องครีมกันแดดนั้นหมายความว่าอย่างไร คำตอบคือ SPF = 8 หมายความว่า ถ้าผิวหนังของคนเราถูกแสงแดดเป็นเวลานานประมาณ 30 นาที ก็เกิดรอยไหม้หรือผื่นแดง ถ้าใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 8 หมายความว่าผิวของเราสามารถทนแสงแดดได้เป็น 8 เท่า คือปกติทนได้ 30 นาทีเมื่อใช้ครีมกันแดดนี้ก็จะทนได้นาน 4 ชั่วโมงเป็นต้น |