ทิปดูแลรักษาเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต ให้อยู่กันไปนาน
1. ดูแลหัวพิมพ์ของเครื่องพรินเตอร์ให้สะอาดอยู่เสมอ
การเอาใจใส่ในเรื่องการรักษาความสะอาดหัวพิมพ์ของพรินเตอร์เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันของหัวพิมพ์ บ่อยครั้งที่มีน้ำหมึกบางส่วนตกค้างแล้วไหลไปจับกันเป็นคราบที่บริเวณส่วนปลายของหัวพิมพ์แล้วทำให้ตลับหมึก (Ink Cartridge) ออกอาการแปลกๆ อย่างเช่น พิมพ์งานออกมาได้แต่เนื้องานขาดๆ หายๆ เป็นช่วงๆ หรือสีผิดเพี้ยน รูปภาพขาด (สีสัน) วิธีการแก้ไขอย่างง่ายก็คือนำตลับหมึกออกมาจากพรินเตอร์แล้วค่อยๆ เช็ดทำความสะอาดบริเวณปลายหัวพิมพ์ด้วย Cotton buds ห้ามใช้กระดาษทิชชู่และแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด การรักษาความสะอาดของหัวพิมพ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้งานพิมพ์ที่ได้มีปริมาณมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย
2. ซื้อพรินเตอร์มาใช้ ก็ใช้บ้าง
ปัญหางานพิมพ์เสียเพราะเครื่องพรินเตอร์แบบนี้มักมีสาเหตุมาจากหมึกพิมพ์แห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในหัวพิมพ์ หรือภายในท่อฉีดน้ำหมึก (Nozzle) แล้วจึงกลายเป็นเหมือนตัวสกัดกั้นไม่ให้น้ำหมึกไปสัมผัสกับกระดาษ การให้พรินเตอร์พิมพ์งานที่ใช้หมึกทั้งหมึกสีและหมึกดำทุกๆ สัปดาห์เป็นอย่างน้อยจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้
คำแนะนำ คือ ควรเปิดเครื่องพรินเตอร์สัก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้หัวพรินเตอร์ตรวจสอบความพร้อมของหมึกพรินต์ หัวพรินต์จะฉีดหมึกสีใหม่เข้าไปไล่หมึกเก่า เพื่อป้องกันการอุดตันของหมึก และควรทดสอบการพิมพ์ อย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้งานพิมพ์ออกมาดีอยู่เสมอ
3. การเก็บรักษาพรินเตอร์เมื่อไม่ใช้งาน
เมื่อไม่มีการใช้เครื่องพรินเตอร์ของ Epson เป็นเวลานานๆ เครื่องพรินเตอร์ Epson จำเป็นต้องถูกเก็บไว้ในสภาพที่มีตลับหมึกอยู่ในเครื่องด้วย ไม่ว่าตลับหมึกจะมีหรือไม่มีหมึกเหลือเลยก็ตาม เพราะการนำตลับหมึกออกจะเป็นการเปิดให้อากาศเข้ามา ทำให้ท่อทางเดินน้ำหมึกแห้ง หากจำเป็นที่จะต้องมีการเก็บเครื่องพรินเตอร์ไว้โดยไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ข้อแนะนำที่ดีที่สุดคือให้เช็ดหัวพิมพ์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้สำหรับทำความสะอาดหัวพิมพ์พรินเตอร์อิงก์เจ็ตโดยเฉพาะ แล้วจึงใส่ตลับหมึกกลับเข้าที่ รวมทั้งการทำให้แผ่นรองน้ำหมึกชื้นอยู่เสมอ โดยขั้นแรกเปิดสวิตซ์เครื่องพรินเตอร์ แล้วรอจนกว่าหัวพิมพ์จะหยุดขยับไปอยู่ที่ตำแหน่งปกติ (หยุดนิ่งอยู่ที่ด้านขวาสุด) จากนั้นก็ปิดสวิตซ์ตามปกติ ซึ่งนี่คือวิธีการที่จะทำให้กลไกสำหรับครอบปิดหัวพิมพ์และแผ่นรองน้ำหมึกอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับด้านใต้ของหัวพิมพ์พอดี
ส่วนเครื่องพรินเตอร์ของ HP และ Lexmark นั้นหัวพิมพ์จะอยู่รวมกับตลับหมึกพิมพ์เลย การนำตลับหมึกทั้งหมดออกมาเก็บใส่ไว้ในถุงพลาสติก ที่มีการปิดปากถุงเพื่อป้องกันอากาศเข้าไปอย่างดี หรือจะใช้ถุงที่เรียกว่าถุง Zip-lock ก็ได้ ส่วนเครื่องพรินเตอร์ของ Cannon นั้นให้รอจนหัวพิมพ์อยู่ในตำแหน่งเก็บหัวพิมพ์เหมือนกับ Epson จากนั้นจึงปิดสวิตซ์ตามปกติ มีการคลุมปิดกันฝุ่นให้ดีเพื่อป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้เข้ามาในกลไกของพรินเตอร์ได้
4. รักษาสุขภาพของพรินเตอร์ให้ดี
หมั่นกำจัดเศษกระดาษและเศษฝุ่นผงทั้งหลาย ทำความสะอาดด้วยการเป่าเศษผงและฝุ่นออกด้วยเครื่องเป่าลมธรรมดาๆ (ย้ำว่าเครื่องเป่าลมไม่ใช่เครื่องเป่าผมแต่อย่างใด) จะช่วยให้เครื่องพรินเตอร์ของเราสามารถป้อนกระดาษได้อย่างไม่ติดขัดเพราะ Roller ของมันสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกนั่นเอง
การจับตลับหมึกในขณะเปลี่ยนตลับหมึกอย่างระมัดระวัง ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตลับหมึกพิมพ์ทั้งหลายนั้นค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนพอสมควร อย่างเช่นตลับหมึกของ HP และ Lexmark ที่มีหัวพิมพ์ติดอยู่ หากจับไม่ระวังก็อาจสร้างความเสียหายและส่งผลต่อคุณภาพงานพิมพ์ได้ หรือตลับหมึกของ Epson ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ซึ่งอาจจจะเสียหายได้หากสัมผัสกับความชื้นจากเหงื่อที่มือ
5. อย่าให้หัวพิมพ์อุดตัน
หัวพิมพ์ ประกอบด้วย Nozzle ซึ่งเป็นท่อฉีดน้ำหมึกที่อยู่ภายในหัวพิมพ์ของพรินเตอร์ เมื่อเกิดการอุดตันจะทำให้งานพิมพ์ที่ได้เป็นลายเส้นๆ อย่าปล่อยให้ตลับหมึกพิมพ์ที่เคยใช้งานแล้ว วางทิ้งไว้เฉยๆ นอกเครื่องพรินเตอร์ เพราะชั่วเวลานิดเดียวหมึกก็จะแห้งหมด ถ้าจำเป็นต้องนำตลับหมึกออกมาก็ให้ทำอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วคือให้เก็บใส่ถุงพลาสติกที่ปิดผนึกป้องกันอากาศเข้าอย่างดีแล้วเท่านั้น
6. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องดูดฝุ่น ดูดฝุ่นใกล้เครื่องพิมพ์
การใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเศษฝุ่นผงออกมา ผลก็คือพรินเตอร์พังเพราะแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องลัดวงจน เนื่องจากไฟฟ้าสถิตย์ปริมาณมากที่จะเกิดขึ้นรอบๆ บริเวณที่เครื่องดูดฝุ่นทำงานแล้วไปรบกวนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิส์บนแผงวงจรในเครื่องพรินเตอร์ ทางที่ดีที่สุดก็คือ ใช้ปืนเป่าลมที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าสถิตย์เลยแม้แต่น้อย เว้นเสียแต่ว่า เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้จะมีท่อดูดยาวมากพอ ที่จะไม่ต้องให้มอเตอร์ไปอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องพิมพ์
7. การทำความสะอาด Roller ที่ใช้ดึงกระดาษ
นำกระดาษหนาๆ หรือกระดาษที่สามารถซับน้ำได้ดีแล้วฉีดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียให้หมาดๆ จากนั้นก็ป้อนเข้าไปในพรินเตอร์ซ้ำๆ ประมาณ 4 - 5 ครั้ง ด้วยการกดปุ่มป้อนกระดาษเข้าและปุ่มนำกระดาษออก พอกระดาษแห้งแล้วให้ฉีดสเปรย์ใหม่ทำแบบนี้ประมาณ 2 - 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ป้อนกระดาษธรรมดาเข้าไป เพื่อซับให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยล้างคราบหมึกและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนลูกกลิ้งกระดาษได้แล้ว
8. ควรปิด - เปิดเครื่องพิมพ์ด้วยสวิตซ์ ดีกว่าถอดปลั๊กไฟ
การเปิด - ปิดเครื่องพิมพ์ควรทำที่สวิตซ์ของเครื่องเสมอเพราะเครื่องพิมพ์จะเก็บและทำความสะอาดหัวหมึกหลังจากกดสวิตซ์ปิดที่ตัวเครื่อง ไม่ควรใช้วิธีถอดปลั๊กหรือปิดสวิตซ์ปลั๊กไฟ เนื่องจากจะทำให้เครื่องพิมพ์เสียเร็วขึ้น
9. หมั่นอัพเดตไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ของเครื่องพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ
เพราะซอฟต์แวร์ (รวมไปถึงไดรเวอร์) ใหม่ๆ จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจากเวอร์ชันก่อนๆ และในบางครั้งก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานอีกด้วย
10. ไม่ควรนำหมึกต่างยี่ห้อมาเติม
แน่นอนครับถึงจะพรินต์ได้ก็จริง แต่จะทำให้ตลับหมึกอุดตันได้รวดเร็วขึ้น แถมหมึกเติมที่ไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้หัวพิมพ์เสียหายได้อีกด้วย
11. ควรเปลี่ยนน้ำหมึก เมื่อมันเตือนว่าหมด
หลายคนยังฝืนที่จะพิมพ์ต่อ ถึงแม้ว่าไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์ จะขึ้นเตือนว่าหมึกหมดแล้วก็ตาม อย่างเช่น ในกรณีที่หมึกสีหมด แต่ก็ยังจะฝืนพิมพ์งานขาว-ดำต่อ เพราะคิดว่าหมึกดำยังเหลือ ไม่ได้ใช้หมึกสี ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าหมึกพิมพ์สีจะไม่ได้ใช้ แต่ความร้อนที่หัวพิมพ์ก็ยังคงมีอยู่ ยิ่งเมื่อเราฝืนพิมพ์ จะทำให้ความร้อนที่หัวพิมพ์เพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีน้ำหมึกมาหล่อเลี้ยง ซึ่งอาจมีผลให้เครื่องพิมพ์เสียหายได้ สำหรับเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตรุ่นใหม่ๆ จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ฝืนพิมพ์ต่อเมื่อหมึกสีใด สีหนึ่งหมด ด้วยการไม่รับงานพิมพ์ใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะเปลี่ยนหมึกตลับใหม่
แหล่งที่มา :
นิตรสาร PC Today