แบคทีเรียในช่องปาก ทำให้คนเป็นโรคหัวใจ


 

รายงานล่าสุด ตีพิมพ์ลงในวารสาร circulation  ช่วยยืนยันคำกล่าวที่ว่า "แบคทีเรียในช่องปาก ทำให้คนเป็นโรคหัวใจ" โดยทำให้หลอดเลือดหัวใจหนาและตีบมีไขมันเกาะ!

รายงานล่าสุด ซึ่งถือเป็นรายงานการศึกษาแรกที่ยืนยันว่า แบคทีเรียในช่องปาก 4 ตัวเป็นตัวก่อให้เกิดหลอดเลือดอุดตันในหัวใจ

สมัยก่อน เราเชื่อว่า แบคทีเรียในปาก ทำให้เกิดหัวใจวาย โดยเชื่อว่า เกิดเพราะการติดเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด ความเชื่อนี้หายไปในปี 1940 และกลับมาอีกครั้ง เมื่อไม่นานมานี้เนื่องจากพบ การสูงขึ้นของค่า CRP ในเลือด ที่แสดงถึงการมีการอักเสบ แต่เนื่องจาก ยังไม่สามารถจับตัวแบคทีเรียที่ทำให้เกิดปัญหา จึงยังได้แต่สงสัย

นพ.คณะผู้ทำการวิจัย จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และมินเนโซต้า กล่าวว่า นี่คือรายงานที่ยืนยันว่า มีความสัมพันธ์กันจริง"แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรเกิดก่อนกัน ระหว่างเชื้อโรค กับความหนาของเส้นเลือด"

การวิจัย ซึ่งชื่อว่า INVEST หรือการศึกษาทางสถิติระหว่างโรคในช่องปากและหลอดเลือด โดยกลุ่มตัวอย่างใน แมนฮัทตัน ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับการศึกษาแบบโคฮอร์ทอีกอันคือ NOMAS (northern manhattan study) นพ.เดสวาริแอร์ หัวหน้าคณะศึกษา กล่าวว่า ได้ทำการสำรวจคนไข้กลุ่มใหญ่ จำนวนมาก ในเมืองแมนฮัตตั้น ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป และสุ่มมาจำนวน 657 คนที่ยังหลงเหลือฟัน มาทำการตรวจโดยมุ่งไปที่แบคทีเรียจำนวน 11 ชนิด โดย 4 ชนิดคือแบคทีเรียที่เชื่อว่าเป็นตัวการ พร้อมๆ กันก็ทำการตรวจวัดความหนาของหลอดเลือดที่คอ (ซึ่งจะเป็นตัวชี้บ่งถึงความหนาที่เส้นเลือดที่หัวใจได้)

เมื่อทำการตัดปัจจัยอื่นๆ ออก เช่นการสูบบุหรี่ หรือโรคไขมันในเส้นเลือด เราพบว่า มีความสัมพันธ์จริง ระหว่างจำนวนแบคทีเรีย และความหนาของหลอดเลือด และความจริงคือ จำกัดอยู่กับแบคทีเรีย 4 ตัว (ที่เป็นสัดส่วนแค่ 23% เทียบกับแบคทีเรียทั้งหมดในช่องปาก)

คงต้องมีการศึกษาต่อเนื่องต่อว่าอะไรเป็นตัวทำให้เกิดอะไร และอย่างไร

สำหรับพวกเรา คงต้องบอกว่า แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจน่าจะใช้ได้