อะแคนทะมีบา... เสี่ยงตาบอด
 |
|
แม้วัยรุ่นจะนิยมใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อความสวยงามของดวงตา หรือเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ถ้าไม่ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้ดี อาจถึงกับตาบอดได้ จากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มองไม่เห็นอย่าง อะแคนทะมีบา ซึ่งเข้ามารุกรานและทำอันตรายต่อดวงตา
ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ พบว่า มีกระจกตาอักเสบ เนื่องจากติดเชื้ออะแคนทะมีบาก่อให้เกิดอาการ ดังนี้ ปวดตามาก สู้แสงไม่ได้ กระจกตาขุ่น ฝ้า เป็นแผลอักเสบที่กระจกตา ในบางรายดูคล้ายอักเสบเหมือนติดเชื้อไวรัสเริม
|
การรักษา
เนื่องจากเชื้ออะแคนทะมีบา เป็นสาเหตุสำคัญของอาการกระจกตาอักเสบ และยังส่งผลให้เกิดแผลที่ดวงตา ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ มีความอดทนต่อยาที่ใช้รักษาทุกชนิด ทำให้ต้องหยอดยาเป็นเวลานาน และในบางรายอาจไม่ตอบสนองต่อยา เป็นผลให้เชื้ออาจลุกลามไปทั่วทั้งกระจกตา จนเกิดอาการอักเสบทั้งลูกตาได้ เนื่องจากเชื้ออะแคนทะมีบาสามารถมีชีวิตอยู่ในรูปแบบของซีสต์ได้นานหลายสิบปี ถ้ามีอาการอักเสบมาก จักษุแพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้ แต่ก็สามารถกลับมามีเชื้อชนิดนี้ได้อีก จึงต้องเฝ้าติดตามดูอาการเป็นเวลานาน และในบางรายอาจมีอาการหนักถึงขั้นที่ต้องได้รับการผ่าตัดเอาลูกตาออกในที่สุด
ทำอย่างไรไม่ติดเชื้อ
-
ล้างมือทำความสะอาดโดยการฟอกสบู่หลายๆ ครั้ง ก่อนหยิบจับคอนแทคเลนส์
-
น้ำยาทำความสะอาดล้างเลนส์ ควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน ไม่เก่าเก็บเกิน 2 เดือนหลังจากเปิดใช้แล้ว
-
ขัดถูล้างเลนส์ทั้ง 2 ด้านเป็นเวลาพอสมควร ตลอดจนล้างขัดถูตลับแช่เลนส์ให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่น้ำยาแช่เลนส์ที่เปลี่ยนใหม่ทุกวัน เพราะโรคนี้มักพบในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มบ่อยกว่าชนิดแข็ง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ล้างทำความสะอาดเลนส์ทุกวันหรือใส่นอน
-
ควรนำตลับแช่เลนส์อบไมโครเวฟทุก 2-3 สัปดาห์ และเปลี่ยนตลับใหม่ทุก 2-3 เดือน เนื่องจากเชื้อโรคนี้อยู่ทนทาน
เมื่อมีอาการหรือพฤติกรรมต่อไปนี้...อย่าใส่คอนแทคเลนส์
-
เปลือกตาอักเสบ
-
ตาแห้ง
-
เป็นโรคภูมิแพ้
-
ไม่มีเวลาดูแลล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์
ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจใส่คอนแทคเลนส์ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจประเมินหาความผิดปกติหรือความเสี่ยง ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ละเลยได้ และในกรณีที่คอนแทคเลนส์หล่นลงพื้นหรือตากอากาศจนแห้งแข็ง ไม่ควรนำมาใช้อีก แม้จะยังไม่หมดอายุการใช้งาน เนื่องจากเสี่ยงกับการติดเชื้อ
แหล่งที่มา : ผู้จัดการออนไลน์