เด็กเล็ก..นอนอย่างไรให้ปลอดภัย





เด็กเล็ก
  อายุน้อยกว่า 2 ปี นอนเตียงผู้ใหญ่มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดอากาศหายใจ โดยเกิดจากการติดค้างของศรีษะระหว่างเตียงหรือเบาะที่นอนกับกำแพง การติดค้างของศรีษะกับช่องรูต่างๆ ของผนังเตียงด้านศรีษะ เท้า หรือช่องที่เกิดจากราวกันตก การตกเตียงลงบนกองผ้า ถังน้ำข้างเตียง การนอนคว่ำของเด็ก และการถูกทับโดยผู้ใหญ่ที่นอนด้วย

 



ข้อแนะนำการนอนอย่างปลอดภัยสำหรับเด็ก

  1. ทารกจัดให้นอนในท่านอนหงายเท่านั้น
  2. เด็กอายุ 2 ปีแรก ควรจัดให้นอนเตียงเด็ก (crib) หากไม่ใช้เตียงแนะนำใช้เบาะเด็กที่แยกนอนจากเบาะที่นอนผู้ใหญ่ได้
  3. เบาะที่นอนที่เหมาะสมต้องมีความแข็ง ไม่หนาและอ่อนนุ่มเกินไป เพราะเมื่อเด็กพลิกคว่ำแล้วอาจกดทับการหายใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กอายุ 4-6 เดือน ซึ่งคว่ำเองได้แต่หงายไม่ได้
  4. หมอนต้องไม่อ่อนนุ่มและใบใหญ่เกินไป เพราะอาจกดทับใบหน้า จมูกได้
  5. การจัดวางต้องไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับกำแพงมากกว่า 6 เซนติเมตร ซึ่งอาจเกิดการติดค้างของศรีษะได้
  6. อย่าวางผ้าห่ม กองผ้าไว้ใกล้ศรีษะเด็ก ซึ่งอาจกดทับใบหน้า จมูกทำให้ขาดอากาสหายใจได้
  7. การใช้เตียงเด็กมีข้อกำหนดความปลอดภัยที่สำคัญ ดังนี้
    • ตียงเด็กต้องมีราวกันตกที่มีซี่ราวห่างกันไม่เกิน 6 เซนติเมตร
    • ราวกันตกต้องมีตัวยึดที่ดี เด็กไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้เคลื่อนไหวได้เอง
    • เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียง และไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตก
    • มุมเสาทั้ง 4 มุมต้องเรียบ มีส่วนนูนได้ไม่เกิน 1.5 มิลลิเมตร
    • ผนังเตียงด้านศรีษะและเท้าต้องไม่มีการตัดตกแต่งให้เกิดร่อง รู หากเป็นซี่ต้องมีระยะห่างไม่เกิน 6 เซนติเมตร
    • เมื่อเด็กอายุ 2 ปี หรือสูงเกินกว่า 89 เซนติเมตร ควรงดใช้เตียงเด็ก เพราะมีความเสี่ยงต่อการปีนราวกันตกและตกจากที่สูงได้
    • สำหรับเตียงสองชั้น ไม่ให้เด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี นอนชั้นบน เพระเสี่ยงต่อการตกได้ง่าย ช่องห่างของราวกันตกต้องไม่กว้างกว่า 9 เซนติเมตร

แหล่งที่มา : เด็กไทยปลอดภัย